จำนวนผู้เข้าชม

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

การติดตายางพารา


การขยายพันธุ์ยางด้วยวิธีการติดตาเขียวเป็นวิธีการใหม่ที่พบครั้งแรกในรัฐซาบาร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อ พ.ศ.2503 หลังจากนั้นได้ปรับปรุงแก้ไขวิธีการให้ดีขึ้น จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจและเป็นวิธีที่ดีกว่าการติดตาสีน้ำตาล
ข้อดีของการการติดตาเขียว การขยายพันธุ์โดยวิธีการติดตาเขียวมีข้อดีอยู่หลายประการ
        1. ทำการติดตาได้ง่าย รวดเร็ว สะดวก และให้ผลสำเร็จสูงถึง 95%
        2. เสียค่าใช้จ่ายน้อย
        3. สามารถผลิตต้นตอตาได้จำนวนมากและรวดเร็ว
        4. ในการดำเนินงานในแปลงกล้ายาง แปลงกิ่งตา ทำได้ง่ายสะดวก และรวดเร็ว
        5. ต้นยางติดตาเขียวสามารถกรีดเอาน้ำยางได้ก่อนต้นยางติดตาสีน้ำตาล



          อุปกรณ์ในการติดตาเขียว
          1.ต้นตอ (ต้นกล้ายาง) จะต้องเป็นต้นตอที่สมบูรณ์ เปลือกลอกง่าย อายุ 4 เดือนครึ่ง ถึง 8 เดือน เส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นประมาณ 1.0-1.2 เซนติเมตร วัดที่ความสูงจากพื้นดิน 10 เซนติเมตร
          2.กิ่งตาเขียว ต้องเป็นกิ่งตาเขียวที่สมบูรณ์และมีฉัตรยอดสีเขียวแก่ อายุประมาณสัปดาห์ กิ่งตาเขียว 1 กิ่งโดยเฉลี่ยจะมีตาที่นำไปใช้ได้ 3-5 ตา
          3.มีดติดตา ต้องเป็นมีดที่มีใบมีดบางและคม อาจใช้มีดตัดโฟม หรือมีดอื่นๆ


          4.ถุงพลาสติก สำหรับใช้บรรจุกิ่งตา


          5.พลาสติกใส ใช้สำหรับพันต้นตอในเวลาติดตา มีขนาดกว้าง 1.5 เซนติเมตร หนา 0.05 เมตร ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร


          ุ6.เศษผ้า ใช้สำหรับทำความสะอาดโคนต้น และกิ่งตา
          ึ7.หินลับมีด ใช้สำหรับลับมีดติดตา


          8.กรรไกร ใช้สำหรับตัดกิ่งตา และต้นตอ


          9.กล่องใส่เครื่องมือ ใช้สำหรับบรรจุเครื่องใช้ต่างๆ ในการติดตา
          วิธีการติดตาเขียว
          1.ใช้เศษผ้าทำความสะอาดบริเวณโคนต้น
          2.ใช้ปลายมีดกรีดเปลือกของต้นตอในแนวดิ่ง 2 รอย ห่างกันประมาณ 1 เซนติเมตร 1 ใน 3 ของลำต้น รอยกรีดมีความยาว 5-7 เซนติเมตร โดยให้รอยกรีดด้านล่างชิดพื้นดินมากที่สุด
          3.ตัดขวางรอยกรีดทั้งสองที่ปลายสุดด้านบนให้ต่อถึงกัน แล้วค่อยๆ ลอกเปลือกที่ตัดออกเบาๆ ลงข้างล่างจนสุดรอยกรีด ตัดเปลือกที่ดึงออกให้เหลือลิ้นยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร
          4. ทำความสะอาดกิ่งตาแล้วใช้ใบมีดคมๆ เฉือนแผ่นตา เริ่มจากปลายกิ่งไปหาโคนให้ติดเนื้อไม้บางๆ และสม่ำเสมอ ยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร


          5.แต่งริมแผ่นตาทั้งสองข้างให้เล็กกว่ารอยแผลที่เตรียมไว้เล็กน้อย


          ุ6.ค่อยๆ ลอกแผ่นตาออกจากเนื้อไม้ จับแผ่นตาให้แน่นพยายามอย่าให้แผ่นตาโค้งหรืองอเพราะจะทำให้แผ่นตาช้ำ
          ึ7.ตัดบริเวณส่วนโคนของแผ่นตาออกเล็กน้อย รีบสอดแผ่นตาลงในรอยแผลบนต้นตอที่เตรียมไว้ โดยสอดลงในลิ้น ตรวจดูแผ่นตาที่สอดลงไป จะต้องให้ตาอยู่เหนือก้านใบและอยู่ตรงกลางรอยแผลด้วย
          8. ใช้พลาสติกใสพันทับจากด้านล่างขึ้นด้านบน และพันขึ้นเรื่อยๆ รอยที่พันจะต้องให้ส่วนของพลาสติกทับกัน พันขึ้นจนเกือบถึงรอยแผลด้านบน ใช้มีดตัดแผ่นตาส่วนที่เกินจากรอยผลทิ้ง โดยให้ต่ำจากรอยแผลด้านบนเล็กน้อย จากนั้นพันพลาสติกต่อไปจนเลยรอยแผลประมาณ 2-3 รอบ จึงทำเงื่อนผูกโดยสอดปลายพลาสติกเข้าไปในห่วงรอบสุดท้ายแล้วถึงให้แน่น
          การตรวจผลการติดตา
          1. หลังจากการติดตาแล้ว 3 สัปดาห์ ให้ทำการตรวจดูผล ถ้าแผ่นตายังมีสีเขียวอยู่แสดงว่าติดตาเป็นผลสำเร็จ
          2. ใช้ปลายมีดคมกรีดลงบนพลาสติด้านข้างของต้นตอ แกะพลาสติกออก
          3. ต้นที่มีแผ่นสีคล้ำแสดงว่าการติดตาไม่เป็นผลสำเร็จ ใช้ปลายมีดคมกรีดบนพลาสติกด้านหน้าแผ่นตา ส่วนอีกด้านของต้นตอไว้สำหรับติดตาซ้ำได้อีกครั้ง
          การนำต้นตอตาไปใช้ประโยชน
          1. หลังจากกรีดพลาสติกออกควรทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปหาห์ ก่อนตัดยอด
          2. ตัดยอดต้นตอตาเหนือรอยที่ติดตาขึ้นไปประมาณ 5 เซนติเมตร
          3. ให้รอยตัดลาดเอียงลงทางด้านตรงข้ามแผ่นตา
          4. ถ้าตัดยอดในแปลงปลูก ตาจะแตกออกมาภายใน 15-30 วัน
          5. ถ้าถอนต้นตอตาไปปลูกที่อื่นตาจะแตกออกมาภายใน 1-2 เดือน
          ุ6. ถ้าติดตาสำเร็จแล้วไม่ตัดยอดสามารถปล่อยทิ้งไว้ในแปลงได้ประมาณไม่เกิน 1 ปี

          ข้อควรระวังในการติดตาเขียว
          1. มีดต้องคมอยู่เสมอ
          2. ต้นกล้าและกิ่งตาจะต้องสมบูรณ์
          3. หลีกเลี่ยงการติดตาในระหว่างที่ฝนกำลังตก
          4. ความสำเร็จขึ้นอยูกับความเร็วและความชำนาญูของผู้ติดตา
          5. แสงแดดมีผลต่อความสำเร็จในการติดตาเขียวจึงต้องใช้พลาสติกใสพัน
          6. อย่าใช้แผ่นตาช้ำ ตากุ้ง ตาบริเวณกลุ่มใบที่ไม่มีไข่ตา แผ่นตาสกปรก และแห่ง
          ึ7. พันแผ่นตาให้แน่น
          8. อย่าติดตาในเวลาอากาศร้อนจัด

          http://www.yangpara.com/rubber/rubber0_01.htm
          .

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น